Thursday, October 06, 2005

สงครามระหว่าง Flash Memory กับ Hard Disk Drive

สมัยก่อน Flash Memory กับ Hard Drive นั้นต่างมีอาณาจักรของตัวเอง ที่แยกจากอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เพราะต่างฝ่ายต่างมีข้อดีข้อเสีย ฝ่าย Hard Drive นั้น มีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานเยอะ มีความจุสูง ราคาต่อความจุต่ำ ไม่มีข้อจำกัดในการเขียนซ้ำ มีปัญหากับการสั่นสะเทือน ส่วนทาง Flash Memory นั้น มีขนาดเล็ก ความจุน้อย ราคาต่อความจุสูง มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนครั้งในการเขียนซ้ำ ไม่มีปัญหากับการสั่นสะเทือน แต่เมื่อเวลาผ่านไปต่างฝ่ายต่างก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน ทางฝั่ง HDD ก็พยายามทำให้ขนาดเล็กลง ใช้พลังงานน้อยลง เพิ่มความทนทาน ส่วนฝั่ง Flash ก็เพิ่มความจุ เพิ่มความเร็วในการเขียน การอ่าน และเพิ่มจำนวนครั้งในการเขียนซ้ำ เป็นภาพที่ทั้งสองฝ่ายกำลังวิ่งเข้าชนกัน

จุดแรกที่สองเทคโนโลยีนี้วิ่งเข้ามาประสานงากันก็คือ Compact Flash ซึ่งถือว่าฝ่าย HDD ขนาด 1 นิ้ว เป็นฝ่ายรุกเข้าไป เพราะ Compact Flash นั้นเป็นของ Flash ตั้งแต่แรก (ชื่อมันก็บอกอยู่แล้ว) ถึงแม้ผลจะไม่ออกมาในลักษณะแพ้ชนะแบบตายกันไปข้างนึง แต่ก็ดูเหมือนว่าฝั่ง HDD มีภาษีดีกว่า สิ่งที่ทำให้ HDD ได้เปรียบมาก ๆ ก็คือ ราคา เพราะในความจุที่เท่ากันนั้น ราคาของ HDD จะราคาถูกกว่าอยู่ประมาณ 3 - 5 เท่าตัว

แต่ถ้าเราถอยห่างออกจากแนวรบ ก็จะเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายนั้นยังมีอาณาจักรส่วนตัวที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และมีความเข้มแข็ง ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่สามารถเข้าไปแตะต้องได้ ซึ่งทาง HDD ก็จะเป็น HDD สำหรับเครื่อ Server, PC, Notebook เป็นต้น (ถ้าคุณคิดจะเอา Flash ไปทำ Database Server คงต้องจ่ายเงินหลายล้าน) ส่วนฝั่ง Flash ก็ได้แก่อุปกรณ์ที่เล็กมาก ๆ เช่น SD, XD, Memory Stick เป็นต้น จะเห็นว่า ถ้ามองดูภาพใหญ่แล้ว ส่วนที่เป็นแนวรบนั้นถือว่าเล็กมาก แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้น ฝั่ง HDD ดูเหมือนจะได้ใจ จึงขยายแนวรบเข้าไปอีกชั้นโดยออกผลิตภัณฑ์ HDD ขนาด 0.85 นิ้ว แต่การรุกครั้งนี้ไม่หมูเหมือนคราวแรกเสียแล้ว เพราะขนาดที่เล็กอย่างนั้น ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตนั้นสูงขึ้นมาก ทำให้ราคาไม่ต่างกันกับ Flash และเมื่อราคาเท่ากัน ความจุเท่ากัน ลูกค้าก็ต้องเลือก Flash เป็นธรรมดา

วันนี้ดูเหมือนว่า Flash จะไม่ยอมถูกเป็นฝ่ายรุกอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะ Chang Gyu Hwang ซึ่งเป็น CEO ของ Samsung's semi-conductor ผู้ผลิต Flash Memory อันดับหนึ่งของโลก ออกมาประกาศว่า Flash นั้นจะสามารถทะลุกำแพง 100 GB ได้ภายใน 2 - 3 ปี และเมื่อถึงจุดนั้น Flash ก็จะสามารถเข้าไปอยู่ใน PC หรือ Notebook ได้อย่างสบาย Hwang นั้นถึงกับพูดว่า จุดจบของ HDD นั้นใกล้มาถึงแล้ว (อะไรจะขู่กันขนาดนั้น นี่ไม่รู้ว่าขู่ Samsung HDD ของตัวเองด้วยหรือเปล่า)

ส่วน Bill Watkins ซึ่ง CEO ของ Seagate ผู้ผลิต HDD อันดับหนึ่งของโลก (เช่นกัน) ได้ออกมาให้ความเห็นว่า เขายอมรับว่า Flash Memory นั้นกำลังบูม แต่ไม่คิดว่า HDD จะถึงจุดจบในเร็ว ๆ นี้ ทั้ง Flash Memory และ HDD นั้น คงจะอยู่ร่วมกันไปอีกนาน อุปกรณ์ Flash Memory นั้น เหมาะสำหรับอะไรที่เล็ก ๆ ไม่ต้องการความเร็ว และต้องการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด Flash Memory นั้นไม่สามารถเข้าไปแตะต้องในงานที่ต้องใช้ความจุสูง ๆ และต้องการความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมาก ๆ เช่น งานพวก Streaming-Video และในขณะนี้ก็กำลังขยายตลาดไปในส่วนของรถยนต์ โดย HDD นั้นจะเป็นแหล่งเก็บข้อมูลของรถ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูล Audio, Video ซึ่งปัจจุบันอยู่ในรูปของ DVD, CD ข้อมูลแผนที่สำหรับใช้ร่วมกับ GPS หรือแม้กระทั่งบันทึกข้อมูลของเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถว่าการทำงานเป็นไงบ้าง ซึ่งจะช่วยในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงรถได้เป็นอย่างดี

ส่วนผมไม่มีใครมาสัมภาษณ์ แต่ขอออกความเห็นหน่อย ที่ Hwang บอกว่า Flash จะมีความจุ 100 GB ภายใน 2 - 3 ปี ป่านนั้น HDD เขาไปถึงกาแล็กซี่ไหนกันแล้ว และถ้าออกมาแล้วราคาจะเท่าไหร่ ถ้าแพงคนเขาก็ไม่ซื้ออยู่ดี อย่าลืมว่าผู้บริโภคนั้นเป็นประเภท กูเอาถูกไว้ก่อน ถ้าราคาเท่ากันค่อยมาดูอย่างอื่นทีหลัง และก็มีตลาดอีกเป็นจำนวนมากที่ HDD เขาได้เปรียบ เช่นพวกเครื่อเล่นเกม เครื่องเล่น DVD เครื่อถ่ายวีดีโอ โทรทัศน์ เครื่องเสียง เครื่องมือวัดในแล็ป เครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ เป็นต้น เพราะของเหล่านี้ ในอนาคตจะสามารถเชื่อต่อเข้ากับระบบ Internet ทั้งหมด และจะมีการ Load ข้อมูลจากผู้ให้บริการต่าง ๆ มาใช้ มาฟัง มาดู หรือมีการบันทึกค่า ต่าง ๆ ลงเครื่องแล้วส่งข้อมูลไปยัง Server ที่สำคัญของพวกนี้ก็ไม่ซีเรียสเรื่องขนาดและพลังงานมากนัก

ส่วนทาง Flash นั้นก็มีจุดแข็งมาก ๆ เรื่องขนาดที่เล็กแต่ความจุก็เพิ่มไปเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างพวก โทรศัทพ์ หรือ Pocket PC นั้น ยังไง ๆ Flash ก็ได้เปรียบอยู่มาก เพราะถ้าจับ HDD ยัดลงไปคงทำให้ เครื่องใหญ่เบ้อเร่อบ้าร่า แถมยังเปลืองแบตเตอร์รี่อีกด้วย และอุปกรณ์เล็ก ๆ บางอย่างก็ไม่ได้ต้องการความจุเป็น 100 GB ขนาดนั้น แค่ 1 GB ก็เหลือเฟือแล้วสำหรับหลาย ๆ คน และในอนาคตผมว่า ขนาดมันยิ่งจะเล็กลงไปกว่านี้อีก

ถ้าให้ผมฟันธง (เอ๊ะทำไมช่วงนี้ติดคำนี้) ผมว่าภายใน 5 ปีนี้ ทั้ง Flash Memory และ Hard Disk Drive ไม่มีใครตายหรอกครับ คนที่อาการโคม่าและจะตายก่อนเพื่อนก็คือ ฟิล์มถ่ายรูปครับ เพราะตอนนี้ไม่มีใครซื้อกล้องธรรมดากันแล้ว ผมว่าอีกภายใน 5 ปีคุณจะไม่เห็นคนถ่ายรูปด้วยกล้องแบบฟิล์มอีกแล้ว ตัวต่อมาที่จะตามลงหลุมไปก็คือ พวกเทป ครับ โดยเฉพาะวีดีโอเทป และเทปเพลง จะตาม ฟิล์มไปติด ๆ ส่วนเทปที่อยู่ในรูปของเครื่องถ่ายวีดีโอต่าง ๆ อีกไม่นานครับ คิวต่อ ๆ กันเลย และตัวสุดท้าย ผมว่าก็คือพวก CD, DVD นี่แหละครับ อย่าหาว่าผมมั่วนะครับ ลองคิดดู ในอนาคตถ้าคุณสามารถต่อเข้าอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยความเร็วสูง ข้อมูลทุกอย่างคุณสามารถดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นหนังเป็นเพลง หรืออื่น ๆ แล้วคุณจะลำบากเดินไปซื้อแผ่นจากที่ร้านทำไมละครับ

สรุป สงครามครั้งนี้ค่อนข้างแปลกเพราะ Flash Memory รบกับ Hard Disk Drive แต่ปรากฏว่าคนอื่นตายเป็นเบือ สองคนนี้รวยเอ๊ารวยเอา เป็นสงครามที่แปลกมากเลยครับ

No comments: