Friday, January 27, 2006

Nokia กับ Samsung ดีกว่า

หลังจากเริ่มซ่อมโทรศัพท์มือถือมาพักนึก พบว่าอะไหล่ของ Nokia และ Samsung นั้นหาง่าย ซื้อง่าย แต่ของยี่ห้ออื่น ไม่ค่อยยอมผลิตออกมา เอะอะจะให้ส่งเครื่องเข้าศูนย์อย่างเดียว ความคิดที่จะผูกขาดแบบนี้ไม่ค่อยเป็นผลดีเท่าไหร่ พอไม่มีอะไหล่ ช่างซ่อมทั่วไปก็ไม่ค่อยมี ส่งศูนย์ก็รอหลายวัน ผมไม่แปลกใจหรอกที่ Nokia กับ Samsung เค้าขายดี

เครื่อง Nokia 3310 ที่เอามาซ่อมนั้น ซื้อจอมาเปลี่ยน แล้วก็เอาบอร์ดตัวเดิมของเราที่ไม่ได้ใช้ใส่ไปให้ เพราะบอร์ดของเค้ามันโทรออกในย่าน 1800 (Orange & DTAC) ไม่ได้ แต่ 900 ได้สบาย ส่วนบอร์ดเก่าต้องมานั่งวิเคราะห์ดูก่อน ยังระบุไม่ได้ว่า ว่าเป็นที่ภาค RF, HF Filter หรือ ตัว Osillator กันแน่ ไม่อยากเปลี่ยนมั่ว ๆ เหมือนที่เขาทำกัน

Friday, January 13, 2006

Java โดย Oracle JDeveloper 10g

ไปอ่านเจอที่ ไทยรัฐมาว่า Oracle เปิดตัว JDeveloper 10g สำหรับเขียน Java ก็เลยเอามาเขียนไว้

เมื่อสองสามอาทิตย์ที่แล้วลองไปดาวน์โหลด NetBeans 5.0 (Beta) มาลองเขียนเล่น ๆ ดู พบว่าก็พัฒนาไปเยอะแล้วเหมือนกันแฮะ ปีนี้คงได้เขียน Java กันเสียที

ประเดิมซ่อม Samsung A300

ลืมถ่ายรูปตอนซ่อมไว้ว่าทำอะไรยังไงบ้าง เอาไว้เครื่องต่อไปก็แล้วกัน เพราะตอนที่ซ่อมนั้นรีบ ดึกด้วย ง่วงด้วย

เครื่องนี้ใช้งานมาสองปีกว่า (ไม่ใช่ของผมหรอก) หน้าจอดับไม่มีอะไรติดเลย แต่สามารถโทรเข้าโทรออกได้ปกติ เวลาจะกดรับสาย หรือโทรออกต้องจินตนาการเอา ถือไปให้ศูนย์เขาบอกว่าต้องเปลี่ยนจอใหม่ค่าใช้จ่าย 2,500 บาท ก็เลยไม่ซ่อม เอามาซ่อมเอง ลอง ๆ ถอดดูใช้ไขควงแค่ตัวเดียวเอง ตรงที่ถอดยาก ๆ ก็คือฝาพับ ถอดยากมากต้องดันสลักสีดำ ซึ่งซ่อนอยู่ในซอกให้ออก เนื่องจากเป็นการลองถอดครั้งแรก ก็เลยมีรอยนิดหน่อยด้านใน ถ้ามีเครื่องแบบนี้อีกเครื่องรับรองจะไม่ให้เป็นรอยแม้เท่าแมวข่วน เพราะรู้แล้วว่ามันล็อกไว้ยังไงบ้าง

ตอนที่ถอดมานึกว่าสายแพรที่เชื่อมระหว่างจอกับตัวเครื่องมันขาดเฉย ๆ แต่พอเอามาดูปรากฏว่ามันเป็นสายแพรที่เชื่อมกับวงจรของจอทั้งหมด แล้วจอก็ดันประกบติดเป็นแผงวงจรเดียวกันทั้งหน้าและหลังอีกต่างหาก สรุปก็คือต้องเปลี่ยนแผงจอใหม่ทั้งหมด!!! กี่บาทวะเนี่ย แล้วมันจะมีขายหรือเปล่า?

สุดท้ายไปถามที่ร้านอะไหล่ ร้านนึงบอก ๘๐๐ อีกร้านบอก ๕๕๐ คงไม่ต้องบอกว่าผมซื้อร้านไหน แล้วก็เอามาเปลี่ยน ตอนที่เปลี่ยนต้องบัดกรีหูฟัง ออกจากวงจรเดิมแล้วต่อเข้ากับวงจรใหม่ แล้วประกอบเครื่องเรียบร้อยพร้อมทุกอย่าง

กดสวิตช์เปิดเครื่อง.... แล้วนั่งรอเครื่องมันเปิด ลุ้นระทึกว่ามันจะใช้ได้หรือเปล่า ทุกอย่างเปิดขึ้นมาได้ปกติหน้าจอชัดแจ๋วเหมือนของใหม่ (ก็มันจอใหม่นี่นา) ก็เลยลองโทรออก ก็โทรได้ปกติ (ก็มันไม่ได้เสียนี่นา) แล้วก็ลองโทรเข้าแล้วรับสายดู ก็รับได้ปกติ (อันนี้ก็ไม่เสียแล้วจะลองทำไม)

Yes!!! ในที่สุดก็ซ่อมได้..... ^_^

จริง ๆ แล้วไม่เรียกว่าซ่อมดีกว่าเพราะไม่ได้ซ่อมอะไรเลยแค่ซื้อจอมาเปลี่ยนแค่นั้นเอง ง่าย ๆ แค่นี้เองประหยัดตังค์ไปตั้ง ๑,๙๕๐ บาทแนะ

เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
๑. ไขควงชุดเล็ก ๒. หัวแรง ๓. ตะกั่ว

เครื่องต่อไป Nokia 3310 รุ่นคลาสสิก เพื่อนเอามาให้ซ่อม รุ่นนี้ยังมีใช้อยู่ตามบ้านนอกเยอะแยะ แต่ถ้าเอาไปโทรในกรุงเทพฯ อาจจะต้องรีบพูดรีบวางรีบเก็บ แต่ผมก็ใช้รุ่นนี้อยู - -' เพราะมันยังโทรได้อยู่ไม่เคยทรยศ ทำงานอย่างซื่อสัตย์เสมอมา จะขับไล่ไสส่งก็ดูจะใจดำเกินไป....

Friday, January 06, 2006

Ruby

เห็นเขาคุย ๆ เรื่อง Ruby กันมาพักนึงแล้ว พึ่งได้โอกาส Download มาเล่น ใช้ง่ายดีแฮะ ยังใช้ Rails ไม่ได้ เดี๋ยวลองใหม่ เดี๋ยวก็ได้เองแหละ

อ้างอิง
http://www.rubycentral.com/
http://www.rubyonrails.org/
http://www.ruby-doc.org/docs/ProgrammingRuby/

คงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้วหละ

ช่วง ๒ - ๓ ปีที่ผ่านมา ความเป็นช่างมันหายไปไหนไม่รู้ เอะอะอะไรเสียขึ้นมามีแต่จะเอาไปให้ศูนย์ ให้ร้านเขาซ่อม คิดว่าเราไม่ควรมาเสียเวลาทำเองเพราะมันไม่คุ้ม เอาความสามารถที่เรามีไปทำอย่างอื่น คุ้มค่ากว่า แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ความโง่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะเราหยุดอยู่กับที่โลกมันไม่หยุด แต่เราหยุดมันก็เหมือนกับถอยหลังนั่นเอง

ถือโอกาสช่วงปีใหม่เป็นช่วงเปลี่ยนแปลงพอดี ต่อไปนี้อะไรที่เคยทำได้ หรือพอจะทำได้จะทำเองให้หมด ไม่ว่าจะเป็นซ่อมรถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ซ่อมโทรทัศน์ พัดลม วิทยุ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเสียงรถยนต์ เดินสายไฟ ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ซ่อมแอร์ ซ่อมคอมพิวเตอร์ เขียนโปรแกรม ทุก ๆ อย่าง จะซ่อมเอง พร้อมทั้งทำให้พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อน ๆ ทำให้หมด เพื่อสั่งสมประสบการณ์ และให้คนใกล้ชิดได้ใช้บริการง่านซ่อมที่มีคุณภาพ

กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะต่อ ป.โท mechatronic ดีหรือเปล่า หรือว่าจะเรียน ป.ตรี mechanical engineer กับ civil engineer เพราะวิชาพื้นฐานส่วนใหญ่เรียนมาหมดแล้ว ถ้าไปเรียนคงเรียนเฉพาะวิชาหลัก ๆ เท่านั้น และจะเป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคมโดยตรงเพราะได้เอามารับใช้สังคมได้ตรง ๆ ตามเจตนาที่วาง ๆ ไว้

จริง ๆ แล้วก็เป็นแค่ความคิดทั้งนั้นแหละ สิ่งที่จะเกิดขึ้นซึ่งเป็นความจริง เดี๋ยวเหตุการณ์มันก็ค่อย ๆ ประคองให้เราทำอย่างนั้น อย่างนี้ไปเองแหละ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเปลี่ยน แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ มันเหมือนบังคับให้เราเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต โอเคเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่เห็นจะเป็นไรเพราะใจมันไม่ค่อยทุกข์แล้ว ถึงเวลาที่ควรทำก็ทำ ก็แค่นั้นเอง ไม่เห็นจะยากหรือลำบากอะไรเลยเลย แค่นี้เองการดำเนินชีวิต ง่าย ๆ แต่มีความสุข แถมเจริญก้าวหน้า ด้วยความไม่อยากอีกต่างหาก สบายสบาย